คุณรู้หรือไม่ว่ามี 7 นิสัยที่ดีของผู้ค้าฟอเร็กซ์? ค้นหาว่ามีอะไรบ้างและดูว่ากี่นิสัยเหล่านี้คุณได้ปฏิบัติ!

ด้วยคำนิยามแล้ว นิสัยประกอบไปด้วยรูปแบบของพฤติกรรม

นิสัยมีหลาย “ประเภท” ทั้งดีและไม่ดี บางอย่างประกอบไปด้วย

1)    กินมากเกินไป
2)    ปล่อยปะละเลยตัวเอง
3)    บ้างาน
4)    กัดเล็บ
5)    คิดลบ
6)    มาสาย
7)    โทษคนอื่น

เพื่อขยายความมากขึ้น ผมจะจัดประเภทด้านบนเป็น “นิสัยที่ไม่ดี” และด้านที่ตรงข้ามกับข้างบนจะจัดอยู่ในประเภท “นิสัยที่ดี”

ตัวอย่างเช่น ความคิดลบ เจอกับ ความคิดบวก หรือ มาสาย เจอกับ ตรงต่อเวลา

นี่คือคำถามที่น่าสนใจ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นนิสัยดีหรือไม่ดี

ดูที่กราฟด้านล่าง:

graph

จากกราฟนั่นเพียงพอที่จะบอว่า การกระทำที่ทำซ้ำๆเป็นระยะเวลาหนึ่งจะพัฒนากลายเป็นนิสัย

เราสามารถกล่าวเพิ่มได้ว่า การกระทำด้านบวก ซ้ำๆเป็นระยะเวลาหนึ่งจะพัฒนาเป็นนิสัยที่ดี การกระทำด้านลบ ซ้ำๆ จะพัฒนาป็นนิสัยที่ไม่ดี

นี่คือตัวอย่างที่คลาสสิคมาก

Example.jpg

ในหนังสือ “The French Paradox,” ผู้เขียนได้อธิบายว่าคนฝรั่งเศสอายุยืนเนื่องจากพวกเขาดื่มไวน์แดงวันละแก้ว เราสามารถจัดได้ว่านี้เป็นนิสัยที่ดี

หากพูดกันนอกบทความแล้ว ดื่มไวน์หนึ่งขวดในบางครั้งทำให้คุณหลับสบายหลังฉลองด้วยมื้ออาหารค่ำ แต่การดื่มไวน์วันละขวดทุกวันติดต่อกันนานๆส่งผลให้อาจก้าวเข้าสู่การเป็นโรคติดแอลกอฮอล์ แบบนี้เรียกว่านิสัยที่ไม่ดี คุณพอจะนึกภาพออกไหม

นิสัย ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี จะกลายมาเป็นวินัยในชีวิต ลองมาดูกันว่านิสัยดีๆที่กลายมาเป็นวินัยในชีวิตผมเป็นอย่างไร โดยมีสิ่งที่ผมชอบนำทาง นั่นก็คือการเทรดฟอเร็กส์

กว่าปีที่ผมได้ค้นพบว่านิสัย 7 อย่างนี้สำคัญกว่าสิ่งใดและทำให้นักเทรดทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง

ลองมาดูกันครับ:

นิสัยที่ 1: ทราบเหตุผลในการเทรดทุกๆครั้ง

ที่พบได้บ่อยคือ นักเทรดเข้าไปโลดโผนในตลาดเพราะเขารู้สึกว่า “ราคากำลังดี” ฉากที่เห็นบ่อยคือ นักเทรดซื้อเมื่อราคาตกลงมาถึงระดับหนึ่ง เนื่องจากพวกเขาคิดว่า “เดี๋ยวตลาดก็ทำรีบาวน์แล้ว”

ลองมาดูตัวอย่างกัน

จากวันที่ 1 ตุลาคม 2016 ถึง 15ธันวาคม 2016 the USD/JPY พุ่งจากต่ำสุด 101.1 ไปสู่ 118.4 การเคลื่อนที่ที่ทำให้ต้องอึ้งกว่า 1700 ปิปส์ เกิดขึ้นในสองเดือนครึ่ง

แล้วถ้าเกิดคุณ “ขาย” หลังจาก USD/JPY ขึ้นไปถึง”ระดับหนึ่งแล้ว” ที่ 500 ปิป หรือ 700 ปิปส์ หรือแม้แต่1000 ปิปส์ล่ะ? ล้างพอร์ตแน่นอน

นี่คือกุญแจ: มีเหตุผลในทุกๆการเทรด ซึ่งหมายความว่าคุณต้องทำตามแผนการเทรด และอย่าเข้าออเดอร์ตามอารมณ์เท่านั้น

นิสัยที่ 2: ยังมีการเทรดครั้งต่อไปเสมอ

ในอาชีพการสอนเทรดของผม ผมได้พบกับนักเทรดที่ติดงอมแงม พวกเขาจะกังวลและผิดหวังเพราะเขาพลาดการเทรดและมักจะต้องตัวติดโน๊ตบุ้คตลอดเวลาเพื่อคอนเปิดปิดออเดอร์ที่สำคัญทั้งหมด

ทุกคนครับ ตลาดฟอเร็กส์มีมูลค่าการเทรดกว่า 5.1 ล้านล้านเหรียญต่อวัน ทำให้เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุด มันมีครั้งหน้า ให้เทรดอยู่เสมอครับ อย่าท้อแท้ถ้าพลาดการเทรดไปครั้งเดียว มีใครบอกล่ะครับว่าครั้งที่พลาดไปน่ะชนะแน่นอน?

นิสัยที่ 3: ใส่ Stop loss เสมอ

นิสัยนี้กลายมาเป็นมนต์สะกดนักเรียนของผมเมื่อผมสอนนักเรียน บางครั้งผมพูดตลกกับนักเรียนว่า ถ้าผมรู้ว่าใครที่ผมสอนไม่ใส่ Stop loss หลังเปิดออเดอร์ทันทีนะ ผมอยู่ไหนก็ตามจะบินกลับไปเขกกะโหลกทันที

จำคำผมไว้นะครับ – สาเหตุหลักที่นักเทรดล้างพอร์ตเกิดจากนิสัยชอบรับความเสี่ยงมากเกินไป อย่าติดกับดักนั้น ให้ใส่ Stop loss ทุกครั้ง เริ่มทำให้เป็นนิสัยตั้งแต่วันนี้

นิสัยที่ 4: อย่าเอาคืนที่เสียไป

คุณเพิ่งจะสำเร็จ “ระดับผู้เริ่มต้น” ในบัญชีเดโม่ของคุณ และตอนนี้คุณพร้อมจะเทรดจริงแล้ว ถึงเวลาในการกอบโกยเงินของคุณ

คุณเทรดและมันแตะ stop loss และเทรดอีกก็โดน Stop loss  อีก

คุณโมโห และมันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น

ในการเทรดครั้งที่ 3 ของคุณ คุณใส่ลอตเพิ่มไปสามเท่า เพื่อเอาคืนที่เสียไป ที่ตลาดฟอเร็กส์ขโมยไปจากคุณ

ทั้งหมดนี้ฟังดูคุ้นๆไหม?

อย่าทำการ “แก้แค้น” มันเป็นกับดัก ตลาดฟอเร็กส์จะดูดเงินก้อนโตไปจากกระเป๋าคุณอีก ทางแก้คืออย่าเอามาเป็นอารมณ์ ไม่มีใครชนะตลอด สิ่งที่คุณควรทำคือออกมาจากหน้าจอแล้ววิเคราะห์แผนการเทรดคุณใหม่

ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน นั่นถือว่าเยี่ยม ให้รับความจริงว่า การแพ้ก็เป็นส่วนหนึ่งของเกมเหมือนกัน

นิสัยที่ 5: ทำบันทึกการเทรดอยู่เสมอ

นี่เป็นอีกเรื่องที่ยาก และไม่ค่อยมีนักเทรดทำกัน คนที่ทำจะส่งผลประเมินได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ

บันทึกการเทรดควรบันทึกการตัดสินใจก่อนเทรดไว้ด้วย และบันทึกอารมณ์และความคิดหลังทราบผลลัพธ์จากการเทรดนั้นเอาไว้ด้วย

นี่คือบางสิ่งที่คุณควรมีในบันทึกการเทรดเพื่อเป็นเข็มทิศให้กับตัวคุณ:

1)    วันเวลาที่เทรด
2)    คู่ค่าเงิน  (เช่น  EUR/USD, USD/JPY or USD/CHF)
3)    การกระทำ/กลยุท์ที่ใช้ (ซื้อหรือขาย)
4)    ความเสี่ยง (กี่ลอต, stop loss)
5)    กำไรที่เป็นไปได้ (มีกำไรต่อเนื่องที่คาดไว้ไหม?)

6)    ผลลัพธ์ (กำไร/ขาดทุน)
7)    สถานะ (คุณคิดหรือรู้สึกอย่างไร? คุณเปิดและปิดถูกต้องหรือเปล่า?)

บันทึการเทรดเป็นเหมือนแผนที่แนวทาง ช่วยให้คุณอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง นี่คือคำถาม – คุณจะรู้ได้อย่างไรว่ามาถูกทางหรือเปล่าถ้าคุณไม่บันทึกขั้นตอนอะไรไว้เลย?

คุณจะรู้ได้อย่างไรหากคุณมี “นิสัยที่ไม่ดี” อยู่เป็นประจำ และมันส่งผลต่อการเทรดของคุณอย่างไม่ได้ตั้งใจ คุณจะรู้ได้อย่างไรหากคุณไม่มีบันทึกในแต่ละครั้งมาเปรียบเทียบ เริ่มต้นทำบันทึกการเทรดวันนี้!

นิสัยที่ 6: ทำจิตใจให้ว่าง

มันจะดีไหมหากวิเคราะห์หรือเปิดออเดอร์หลังจากเพิ่งเถียงกับเพื่อนหรือคนในครอบครัวอย่างรุนแรงมา แล้วถ้าจะเทรดหลังจากทำงานอย่างหนักมา 14 ชั่วโมงแล้วยังเพิ่งโดนเจ้านายด่ามาอีก

แน่นอนว่าไม่ จิตใจที่ว่างจำเป็นที่สุดเมื่อคุณเดินมาที่คอมพิวเตอร์ อย่าให้อารมณ์มาทำให้คุณขุ่นมัวเพราะเวลาคุณมองกราฟคุณไม่มีสมาธิหรอก

นิสัยที่ 7: ให้รางวัลกับตัวเองอยู่เสมอ

นิสัยนี้ก็สำคัญด้วยเหรอ? แน่นอน

อะไรคือจุดหมายปลายทางของการเทรด? เพื่อสร้างกำไรอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามจะมีอะไรดีหากคุณไม่ได้ใช้ประโยชน์จากกำไรเหล่านั้นเลย?

มีหลายวิธีในเชิงธุรกิจที่คุณจะตอบแทนตัวเอง เช่น:

1)     ตั้งเป้าไว้ที่ทำกำไร 100% ของเงินต้น จากนั้นถอนเงินต้นออกมาแล้วเทรดต่อด้วยกำไร นี่คือสภาวะเศรษฐกิจแบบความเสี่ยงเป็น 0

2)   หลังจากที่บัญชีโตขึ้นระดับหนึ่งแล้ว ถอนเงิน 20% ของกำไรมาใช้และให้ที่เหลือทำงานต่อ ต้องแน่ใจว่าเงินที่ถอนมาจะไม่โดนโบรคเกอร์หักค่าธรรมเนียมไปเสียเยอะ

และนั่นคือทั้งหมด 7 นิสัยของนักเทรดฟอเร็กส์ที่ยอดเยี่ยม คุณจะนำมาใช้กับระบบเทรดคุณได้อย่างไร ง่ายมาก แต่ทำเรื่องพวกนี้สม่ำเสมอระยะหนึ่ง การกระทำเหล่านี้จะกลายเป็นนิสัย

สิ่งนี้จะเบ่งบานขึ้นในตัวนักเทรดที่มีเติบโตแล้วและกลายเป็นพลังในโลกของการเทรด

ผมอยากทิ้งท้ายให้คุณด้วยคำคมดีๆอันหนึ่ง:

การชนะ ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดได้ในบางเวลา
มันคือเรื่องที่จะเกิดได้ตลอดเวลา
คุณไม่ได้นานๆชนะสักครั้ง
คุณไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องนานๆครั้ง
คุณไม่ได้ทำถูกวิธีนานๆครั้ง
การชนะ คือ นิสัย
โชคร้ายที่ การแพ้ก็เช่นเดียวกัน


~ Vince Lombardi (โค้ชทีมฟูตบอลที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล)