ด้วยการเพิ่มขึ้นที่รวดเร็วของการเทรดฟอเร็กส์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ จำนวนของโบรคเกอร์ในตลาดก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน นักเทรดหลายท่านอาจต้องเกาศรีษะเพราะไม่รู้จะเลือกโบรคใดที่น่าเชื่อถือสำหรับเทรดดี หากคุณไม่ใช่ธนาคารหรือสถาบันทางการเงิน คุณจำเป็นต้องช้โบรคเกอร์เพื่อเทรดค่าเงิน ความจริงแล้วนักเทรดรายย่อยทั้งหลายจำเป็นต้องใช้โบรคเกอร์เพื่อเทรดในตลาดฟอเร็กส์ นี่คือขั้นตอนที่สำคัญก่อนที่คุณจะก้าวเข้าสู่การเป็นนักเทรดฟอเร็กส์

อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกโบรคเกอร์จะดำเนินการเหมือนกัน คุณต้องหาโบรคเกอร์ที่ตรงกับความต้องการของคุณ นี่คือความยากเมื่อไม่ใช่ทุกโบรคเกอร์ให้บริการมาตรฐานเดียวกันและนโยบายเดียวกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อความราบลื่นในการเทรดของคุณ

ในบทความนี้เราจะพูดถึง กฎ 7 ข้อที่นักเทรดต้องพิจารณา ในการเลือกโบรคเกอร์ฟอเร็กส์

  1. หน่วยงานควบคุม

โบรคเกอร์ที่ได้รับการควบคุมจะถูกตรวจสอบขอบเขตการดำเนินงานและตรวจสอบด้านการบัญชี พวกเขาจะมีการควบคุมเฉพาะที่ต้องปฏิบัติตามอยู่ โบรคเกอร์เหล่านี้จะมีข้อมูลออนไลน์และคุณสามารถหาผลการประกอบการย้อนหลังของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย หากจะดูว่าโบรคเกอร์ฟอเร็กส์ได้รับการควบคุมหรือไม่ อย่างแรกคุณต้องทราบประเทศที่เขาจดทะเบียนก่อน

เลือกโบรคเกอร์ที่ประกอบกิจการในประเทศที่จะคอยตรวจตราสอดส่องกิจกรรมของโบรคเกอร์เสมอ นี่คือผู้ควบคุมดูแลอันดับต้นๆของโลก:

  • อังกฤษ – Financial Conduct Authority (fca.org.uk)
  • นิวซีแลนด์ – Financial Markets Authority (fma.govt.nz)
  • ออสเตรเลีย - Australian Securities and Investments Commission (asic.gov.au)

หากโบรคเกอร์ไม่ได้จดทะเบียนใดๆ อาจจะดีกว่าหากเราไปเลือกใช้โบรคเกอร์อื่น

  1. สเปรด

หรือพูดอีกอย่างก็คือ จ่ายค่าธรรมเนียมถูกลง มันไม่เหมือนหุ้นฟิวเจอร์หรือหุ้นสามัญ การเทรดค่าเงินไม่ได้ไปเทรดที่ตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นโบรคเกอร์ต่างๆจึงชาร์จค่าสเปรดต่างกันไป สเปรดเป็นตัวกระตุ้นการพิจารณาหลักๆในใจของเทรดเดอร์ทุกคนเพราะหากเลือกโบรคเกอร์ที่สเปรดสูงผิดปกติแล้ว แน่ใจได้เลยว่าจะทำให้หมดพอร์ตไวแน่นอน

เพิ่มเติม อย่าลืมเช็คหากโบรคเกอร์ให้สเปรดต่างชนิดกัน เช่น Variable และ ECN (Electronic Communication Network ) Variable คือ สเปรดที่วิ่งตามสภาพตลาด ทั่วไปแล้วจะแคบเวลาที่ตลาดอยู่ในสภาพปกติและจะกว้างขึ้นเมื่อตลาดอยู่ในสภาพผันผวนรุนแรง

สเปรดแบบ ECN หมายถึงโบรคเกอร์จะดึงราคาที่แม่นยำที่สุดจากตลาดและเพิ่มค่าคอมเข้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นักเทรดส่วนใหญ่จะใช้สเปรดแบบ Variable และ ECN ให้มองหาโบรคเกอร์ที่มีสเปรดสองตัวนี้

  1. แพลตฟอร์มสำหรับเทรดและซอฟท์แวร์

ทางที่ดีที่สุดในการสัมผัสโปรแกรมสำหรับเทรดของโบรคเกอร์คือ ลองใช้บัญชีเดโม่ก่อนซึ่งมีพร้อมให้ใช้ทันที ให้เลือกใช้อันที่คุณรู้สึกว่าโอเคกับการเทรดของคุณมากที่สุด โปรแกรมสำหรับเทรดควรมีเครื่องมือพื้นฐานเช่น กราฟ อินดิเคเตอร์ สินค้าที่หลากหลายเช่นค่าเงิน โลหะ และดัชนี

อาจมีฟังก์ชั่นเสริมที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย คุณต้องเข้าใจว่าคุณต้องการอะไรและโบรคเกอร์ชาร์จเงินเพิ่มอย่างไร ความเร็วในการเปิดปิดออเดอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญมาก ให้ระวังโบรคเกอร์ที่ไม่แสดงฟี้ดราคา เราจะพบได้ในโบรคเกอร์ที่มีการ “รีโควต” และเมื่อเปิดปิดออเดอร์มีการดีเลย์ การที่มีการบันทึกไว้ โปรแกรมที่นิยมมากที่สุดในการเทรดคือ MT4 (Meta Trader 4) เเ

  1. ฝ่ายบริการลูกค้า

ตลาดฟอเร็กส์เป็นตลาดที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา กว่า 5.3ล้านล้านเหรียญถูกเทรดตลอด 24ชั่วโมง ในแต่ละวัน โบรคเกอร์ควรมีฝ่ายบริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง สามารถเช็คการให้บริการของฝ่ายบริการลูกค้าได้ผ่านทางโทรศัพท์หรือทางอีเมลล์ โบรคเกอร์ส่วนมากในปัจจุบันมี Live chat ซึ่งลูกค้าสามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้โดยตรงแล้ว และจะดีกว่าหากโบรคเกอร์ที่ท่านเลือกนั้นมีฝ่ายบริการลูกค้าที่รองรับหลายภาษา เช่นอังกฤษ ไทย จีน นี่เป็นสิ่งที่บอกว่าธุรกิจโบรคเกอร์เป็นหนึ่งในธุรกิจชั้นนำของโลก

  1. ขนาดการเทรดขั้นต่ำที่ต้องการ

หลายๆโบรคเกอร์ให้บริการบัญชีหลายประเภท ที่นิยมมากที่สุดคือบัญชี Standard และบัญชี mini บัญชี Standard หมายถึงนักเทรดใช้ลอต100,000 หน่วย บัญชี mini หมายถึงนักเทรดใช้ลอต 10,000 หน่วย ดังนั้น mini คอ 10% ของลอต standard
สิ่งสำคัญที่ต่างกันคือการจ่ายของทั้งสองบัญชี standard จ่าย 1 pip มีค่าเท่ากับ 10เหรียญ ใน mini จะมีค่าเท่ากับ 1 เหรียญ Pip คือหน่วยวัดการขยับขึ้นหรือลงของกราฟ บัญชี mini เหมาะกับนักเทรดมือใหม่เพราะความเสี่ยงต่ำกว่า แม้ว่าผลตอบแทนต่ำกว่า ดังนั้นโปรดเช็คว่าโบรคเกอร์ที่จะเลือกมีบัญชี mini ให้หรือเปล่า

  1. ความปลอดภัยของเงินทุน

นี่คืออีก 1 ปัญหาใหญ่ของนักเทรดทุกคน ทุกคนมักจะถามว่า “เงินของฉันจะปลอดภัยแค่ไหน” ในปัจจุบันนี้มันไม่พอแล้วแค่โบรคเกอร์มีบัญชีแยกระหว่างบัญชีของโบรคและบัญชีของลูกค้า มีบางโบรคเกอร์ใช้ผู้ดูแลบัญชีจากภายนอกเพื่อตรวจสอบและคุ้มครองการฝากถอนของลูกค้า ให้เลือกโบรคเกอร์ที่มีการป้องกันเงินทุนหลายๆชั้น

  1. ช่องทางการฝากถอน

มาตรฐานของนักเทรดฟอเร็กส์คือความเหนียว ซึ่งจะต้องทำกำไรอย่างต่อเนื่องจากการเทรดฟอเร็กส์และให้เงินรั่วน้อยที่สุด ดังนั้นส่วนหนึ่งคือเรื่องการเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมการฝากถอนของแต่ละโบรคเกอร์ ในระยะยาวมันอาจกินไปถึงกำไรที่คุณเทรดมาได้ สำหรับนักเทรดบางคนอาจตรวจสอบสรุปยอดทุกเดือน โปรดทำการบ้านเช็คค่าธรรมเนียมในการฝากถอนเพื่อไม่ให้มันเป็นตัวดึงกำไรคุณลดลง