1. 1. การประกาศข้อมูลเศรษฐกิจ

     

    อัตราการเติบโตของ GDP:

    รายงาน GDP ชี้วัดประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยการเติบโตที่แข็งแกร่งมักจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

    ข้อมูลการจ้างงาน: ตัวเลขการจ้างงาน เช่น การจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (NFP) ส่งผลต่อความคาดหวังต่อเศรษฐกิจและนโยบายอัตราดอกเบี้ยในอนาคต อัตราการจ้างงานที่สูงขึ้นมักสนับสนุนให้ค่าเงินแข็งขึ้น

    รายงานเงินเฟ้อ:
    ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เป็นรายงานสำคัญที่บ่งชี้อัตราเงินเฟ้อ เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น ธนาคารกลางอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งช่วยส่งเสริมให้ค่าเงินแข็งขึ้น

    1. 2. การตัดสินใจของธนาคารกลาง

    การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย:

    ธนาคารกลาง เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed), ธนาคารกลางยุโรป (ECB), และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำหนดอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อและสนับสนุนความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น

     การผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการคุมเข้ม (QT):
    การประกาศ QE (การซื้อสินทรัพย์เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง) อาจทำให้ค่าเงินอ่อนลง ขณะที่การคุมเข้ม(QT) (ลดการซื้อสินทรัพย์หรือเพิ่มอัตราดอกเบี้ย) มักทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น

     

    1. 3. เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์

     

    วามตึงเครียดทางการค้า:
    สงครามการค้าและภาษีอาจทำให้ค่าเงินมีความผันผวนเนื่องจากนักลงทุนมักหันไปหาสกุลเงินที่ปลอดภัยขึ้น หรืออาจเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

    การเลือกตั้งและความไม่แน่นอนทางการเมือง:
    การเลือกตั้งหรือความไม่มั่นคงทางการเมืองสามารถทำให้ค่าเงินมีความผันผวน ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ Brexit ทำให้คู่สกุลเงิน GBP/USD เคลื่อนไหวอย่างมาก

    สงครามหรือความขัดแย้งครั้งใหญ่:
    เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้นักลงทุนหันไปถือครองสกุลเงินปลอดภัย เช่น USD, JPY, หรือ CHF รวมถึงสินทรัพย์อย่างทองคำ

     

    1. 4. รายงานเศรษฐกิจทั่วโลก

     

    องค์กรระหว่างประเทศ:

    รายงานจาก IMF หรือธนาคารโลก โดยเฉพาะการคาดการณ์หรือคำแนะนำด้านนโยบาย อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในอนาคตของสกุลเงิน

    PMI ภาคการผลิตและบริการ:

    ดัชนีเหล่านี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจในภาคการผลิตและบริการ โดย PMI ที่แข็งแกร่งมักส่งเสริมค่าเงิน เพราะแสดงถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ

     

    5.ความเชื่อมั่นของตลาด

    ราคาสินค้าโภคภัณฑ์:
    ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันและทองคำ มีผลต่อค่าเงินที่พึ่งพิงสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น CAD (แคนาดา) และ AUD (ออสเตรเลีย) ซึ่งมักแข็งค่าขึ้นเมื่อราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น

    ความเชื่อมั่นต่อความเสี่ยง:

    ความเชื่อมั่นของนักลงทุน (การรับความเสี่ยงหรือลดความเสี่ยง) มีผลต่อตลาด Forex เมื่อเกิดภาวะลดความเสี่ยง นักลงทุนมักเปลี่ยนไปถือครองสกุลเงินปลอดภัย เช่น USD, JPY, และ CHF

    เทรดเดอร์ในตลาด Forex ควรเฝ้าติดตามข่าวเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพราะข่าวเหล่านี้มักก่อให้เกิดความผันผวนและโอกาสในการเทรดที่สำคัญในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา

 

New call-to-action

Fullerton Markets Research Team

Your Committed Trading Partner