เมื่อการระบาดของโคโรนาไวรัส รุนแรงถึงขั้นเป็นการระบาดใหญ่ไปทั่วโลก ผู้คนเริ่มตื่นตระหนกในการซื้อสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพ เช่น: ข้าว พาสต้า ก๋วยเตี๋ยว และ รวมถึงสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วย
เมื่อการระบาดของโคโรนาไวรัส รุนแรงถึงขั้นเป็นการระบาดใหญ่ไปทั่วโลก ผู้คนเริ่มตื่นตระหนกในการซื้อสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพ เช่น: ข้าว พาสต้า ก๋วยเตี๋ยว และ รวมถึงสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วย ความต้องเงินดอลลาร์รุนแรงมากจนธนาคารกลางสหรัฐฯต้องเข้ามาช่วยธนาคารกลางต่างประเทศและอื่น ๆ ในเรื่องสภาพคล่อง และดึงสถาณการณ์ตึงตัวที่มากเกินไปของเงินดอลลาร์กลับมาได้เมื่อเดือนมีนาคม มันเป็นสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008-2009 เมื่อเสียงเรียกร้องดังขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อยุติการครอบงำของสกุลเงินเดียวทั่วโลก แต่ถึงกระนั้นก็ตาม กว่าทศวรรษที่ผ่านมาเงินดอลลาร์ยังคงมีอิทธิพลครอบงำสูงสุด
เนื่องจากมีความแพร่หลายในการใช้อย่างเต็มที่ สกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ จึงอยู่ที่ด้านหนึ่งของเกือบ 90% ของธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และบัญชีสำหรับสองในสามของหนี้ระหว่างประเทศ แทบทุกการค้าระหว่างประเทศในการซื้อขายน้ำมัน มีราคาเป็นดอลลาร์ Jean-Claude Juncker อดีตประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า “บ้าบอที่สุด” ที่ 80% ของการนำเข้าพลังงานของยุโรปมีราคาเป็นดอลลาร์ ความแพร่หลายของเงินดอลลาร์ทำให้ประเทศต่าง ๆ รู้ซึ้งถึงความผันผวนของค่าเงินนี้ ที่ผูกโยงเศรษฐกิจของพวกเขา เข้ากับการตัดสินใจจากวอชิงตัน และเป็นตัวส่งเสริมในการขยายแรงกระแทกที่เป็นอันตรายต่อระบบการเงิน เช่นเดียวกันกับผลกระทบที่เกิดจากการระบาดใหญ่
ตลาดการเงินสะท้อนให้เห็นถึงปรากฏการณ์ที่คล้ายกัน เมื่อโลกทางการเงินกำลังส่ายไปมา นักลงทุนมองว่าสกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่สุดยิ่งกว่า ทองคำ สกุลเงินเยน หรือฟรังก์สวิส เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่น่ากลัวของการระบาดของไวรัส ทำให้เกิดความตึงเครียดในเดือนมีนาคมส่งผลให้ความต้องการเงินดอลลาร์เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่เงินสกุลอื่น ๆ ลดลง ประเทศที่มีหนี้สินจำนวนมากเป็นสกุลเงินดอลลาร์ ต้องเผชิญกับการชำระคืนที่สูงขึ้น เช่นเดียวกับที่พวกเขาต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ธนาคารต่างๆ – ระวังการปล่อยกู้ให้กับธนาคารอื่นในช่วงที่เกิดพายุการเงิน – เริ่มมีการสะสมดอลลาร์ไว้ในธนาคารผลักดันมาตรวัดของการระดมทุน ก่อให้เกิดความเครียดในระดับสูงสุดในรอบกว่าทศวรรษ มันเป็นหน้าที่ของเฟดที่ต้องลงมืกระทำ เพื่อป้องกันไม่ให้เงินดอลลาร์ขาดแคลนจนกลายเป็นวิกฤตสกุลเงิน
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีอิทธิพลตั้งแต่ปลายสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อผู้นำของโลกมาพบกันที่ Bretton Woods รัฐนิวแฮมป์เชียร์ เพื่อสร้างระบบในการจัดการการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การผลักดันเพื่อเรียกคืนเงินดอลลาร์ มีต้นกำเนิดมาจากส่วนหนึ่งของวิกฤตการณ์สกุลเงินปี 1998 เมื่อประเทศในเอเชียได้ถูกยืมเงินจำนวนมากเกินไป และตกอยู่ในภาวะถดถอยของเศรษฐกิจ เป็นทศวรรษที่ก้าวไปอย่างรวดเร็ว และการสะสมเงินดอลลาร์ของฝั่งเอเชีย เพื่อสร้างทุนสำรองสกุลเงิน ช่วยเติมเชื้อเพลิงให้กับเครดิตสหรัฐฯ ที่กระตุ้นให้เกิดวิกฤตสินเชื่อจำนองซับไพร์ม
อิทธิพลของดอลลาร์ไม่น่าจะหดตัวลง ส่วนแบ่งของการซื้อขายสกุลเงินในสกุลเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นเป็น 88.3% ในปี 2019 จาก 87.6% ในปี 2016 ตามรายงานของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ สัดส่วนเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ถือเป็นเงินดอลลาร์ ยังคงทรงตัวประมาณ 60% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การใช้สกุลเงินดอลลาร์ในการชำระเงินทั่วโลก ที่ติดตามโดยสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2010 และสินเชื่อขยายตัวสู่สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารในสกุลเงินดอลลาร์มากกว่าสองเท่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12.1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในเดือนกันยายน 2019
การเคลื่อนย้ายใดๆ ไปจากธนบัติสหรัฐฯ นั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ดูน่ารำคาญและมีค่าใช้จ่าย เนื่องจากการเปลี่ยนไปใช้เงินยูโร หยวน หรือเงินรูเบิล หมายถึงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และความยากลำบากในการหาธนาคารเพื่อจัดการธุรกิจ เมื่อเผชิญกับการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกา รัสเซียได้ประสบความสำเร็จในการคลายการยึดของเงินดอลลาร์ ประเทศรัสเซียในขณะนี้ มีส่วนแบ่งสำรองที่สูงขึ้นในสกุลเงินยูโร (30%) มากกว่าในสกุลเงินดอลลาร์ (23%) เงินยูโรได้แซงเงินดอลลาร์ ในการเป็นสกุลเงินหลักของรัสเซียในการค้าขายกับจีน และใกล้เคียงกับจำนวนการค้าขายกับสหภาพยุโรป แต่การกระจายความเสี่ยงมาพร้อมกับภัยที่ติดมาด้วย: เมื่อเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในเดือนมีนาคม มูลค่าของทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียลดลงถึง 5% ในเวลาหนึ่งสัปดาห์
สกุลเงินใดจะสามารถมาแทนดอลลาร์ได้ ?
มีความแน่วแน่ที่จะใช้สกุลเงิน เช่น หยวน และยูโร แต่อย่างไรก็ตาม เงินหยวนมีสัดส่วนเพียง 4% ของการซื้อขายสกุลเงินในปี 2019 หลังจากที่จีนเปลี่ยนการมุ่งเน้น จากการเปลี่ยนเป็นสกุลเงินที่สามารถแปลงสภาพได้อย่างอิสระโดยไม่มีข้อจำกัดจากรัฐบาล ไปสู่การส่งเสริมให้เป็นสกุลเงินสำรองและสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพในเวลาที่มีความตึงเครียด เงินยูโรซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับ 32% ของการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในปี 2019 เป็นสกุลเงินเดียวที่มีศักยภาพเข้ามาใกล้ดอลลาร์มากที่สุด แต่เสน่ห์ของมัน ก็ถูกบ่อนทำลายจากวิกฤติหนี้สาธารณะในภูมิภาคปี 2010 และการใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบติดลบของธนาคารกลางยุโรป