ในส่วนที่สองนี้ จะเป็นการแบ่งปันชุดความคิดของ Jesse Livermore เราได้รวบรวมเอาคำพูดอีก 5 ประโยคจากนักเทรดในตำนานท่านนี้ ซึ่งยังคงเป็นดั่งไกด์นำทางให้เหล่านักเทรดมากมายจนถึงปัจจุบัน.
บทเรียนที่ 6
"หลังจากใช้เวลานานหลายปีหมดในวอลล์สตรีท และสูญเงินไปหลายล้านดอลลาร์ สิ่งที่ผมต้องการจะบอกคุณก็คือ: ไม่ใช่ความคิดของผมหรอกที่ทำเงินเป็นกอบเป็นกำ แต่มันคือการนั่งรอต่างหาก เข้าใจไหม? แค่รอเฉยๆ!"
ครั้งหนึ่ง Livermore เคยพูดว่า "พวกเขาบอกเสมอว่า คุณไม่มีทางล้มละลายจากการเก็บกำไรหรอก ใช่ คุณไม่ล้มหรอก แต่คุณก็ไม่มีวันรวยจากการเก็บกำไรเพียงสี่จุดในตลาดขาขึ้นเช่นเดียวกัน"
อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นต้นทุนเสียโอกาสอย่างหนึ่ง หากคุณตัดสินใจขายก่อนเพื่อเก็บกำไร นั่นก็หมายถึงคุณพลาดโอกาสที่อาจจะเกิดเทรนด์ต่างๆขึ้นในอนาคตนั่นเอง
เขายังกล่าวต่อไปว่า "มีสิ่งที่ผมเคยทำพลาดไป ก็คือในตอนที่ฝ้ายนั้นมีสัญญาณบ่งชี้ว่ากำลังจะขาดทุน แต่ผมก็ยังเก็บมันไว้ แต่ในขณะที่ข้าวสาลีดูจะทำกำไรได้ ผมกลับขายมันไป เกมอาจจะพลิกได้ แต่ก็เป็นส่วนน้อย ดังนั้น จงขายสิ่งที่คุณเห็นว่าขาดทุน และเก็บสิ่งที่คุณมองเห็นผลกำไรจากมันเอาไว้เสมอ"
บทเรียนที่ 7
"ผมเชื่อมั่นว่า การมีวินัยและทำตามกฎคือสิ่งสำคัญ"
หากปราศจากกฏการเทรดที่เฉพาะเจาะจง และชัดเจน นักเก็งกำไรก็ไม่มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ทำไมน่ะหรือ?
ก็เพราะว่านักเก็งกำไรที่ไร้แบบแผนชัดเจน ทำได้อย่างเดียวคือปล่อยลูกศรไปอย่างไร้ทิศทางในตลาด จนกระทั่งพวกเขาจะพบกับความพ่ายแพ้ไปในที่สุด
บทเรียนที่ 8
"ในตอนที่คุณทำการเทรด คุณควรมีเป้าหมายที่ชัดเจน ว่าคุณจะจัดการขายมันที่ไหนในตอนที่ตลาดประจันหน้ากับคุณ และคุณจะต้องทำตามกฎที่ได้ตั้งเอาไว้เสมอ! อย่าสูญเงินเกินกว่า 10% ของเงินทุนที่คุณมี เพราะการสูญเสียนั้นแพงเป็นสองเท่าของการสร้างขึ้น ดังนั้น ในกรณีนี้ ผมมักจะหยุดก่อนที่จะทำการเทรด"
กฏข้อแรกที่นักเทรดมืออาชีพบอกกับฉันก็คือ เราจะต้องปกป้องเงินทุนของเราอยู่เสมอ และหากคุณทำได้ล่ะก็ คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเติมเงินเข้าบัญชีอีกเลยตลอดชีวิต ซึ่งนี่เป็นเรื่องสำคัญมากพอๆกับการตั้งจุด stop loss เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น flash crash ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในปี 2019 นี้นี่เอง เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นถึง 4% ทำให้คู่ USD/JPY ร่วงลงถึง 4,000 pips ในเวลาเพียง 7 นาทีเท่านั้น
บทเรียนที่ 9
"เทรดตามแนวต้านที่น้อยที่สุด"
หากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานของหุ้นเริ่มที่จะเปลี่ยนไปในทางลดลงทีละเล็กทีละน้อย นั่นแสดงให้เห็นถึงแนวต้านที่น้อยที่สุดกำลังเปลี่ยนแปลงจากขาขึ้นไปสู่ขาลง
บทเรียนที่ 10
"นักเก็งกำไรที่ชาญฉลาดจะไม่โต้เถียงกับเทป เพราะตลาดไม่เคยผิดพลาด ความคิดของเราต่างหากที่เคย"
อย่าเพิ่งสงสัยว่าเถียงกับเทปคืออะไร เล่าย้อนไปถึงในช่วงก่อนที่เทคโนโลยีสุดล้ำเลิศในยุคนี้จะเข้ามาช่วยให้เราสามารถเปิดแผนภูมิของตลาดได้ทุกที่ ทุกเวลา ขอเพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต ผู้คนในยุคก่อนจะรับข้อมูลหุ้นผ่านเทปทางโทรเลข ซึ่งประกอบไปด้วยสัญลักษณ์ของราคา และปริมาณ ดังนั้นการเถียงกับเทป ก็คือการไม่ทำตามกระแสของตลาดนั่นเอง
มีนักเทรดหลายคนที่โยนความหัวเสียจากการขาดทุนไปในตลาด ซึ่งหากมองอย่างเป็นกลางแล้ว เรื่องนี้อาจจะฟังดูน่าขำ เพราะนักเทรดเหล่านั้นทำอย่างกับว่าตลาดเป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกหรือบุคลิกลักษณะ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มี
หากคุณต้องหยุดเทรดและขาดทุน หรือตลาดไม่เป็นไปตามที่คุณคาดหวัง มันก็ไม่ใช่ความผิดของตลาด ตลาดไม่เคยผิดพลาด มีเพียงความคิดเห็นของมนุษย์เราต่างหากที่สามารถผิดพลาดได้
ดังนั้น แม้นักเทรดต่างคนก็ต่างความคิด ทว่าสุดท้ายแล้ว ตลาดก็จะดำเนินไปตามทางและกลไกของมัน ไม่ว่าความคิดของใครที่จะเป็นฝ่ายถูกต้อง ตลาดเท่านั้นที่จะเป็นผู้พิสูจน์ได้
การติดตามติดตามเทรนด์เป็นสิ่งจำเป็น ทว่าอย่าลืมคาดการณ์ตลาดด้วย และเดินไปตามกลไกของราคา หากคุณตัดสินใจและทำตามตลาดแล้วล่ะก็ จำนวนครั้งที่คุณจะต้องหัวเสียจากการเทรดที่ผิดพลาดจะลดลงอย่างแน่นอน อีกทั้งการเทรดของคุณก็จะยังแม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
นักยุทธศาสตร์การตลาด